กลับสู่หน้าหลักวัด (Back to Main Page)

หลวงพ่อนาค

หลวงพ่อนาค คือ พระพุทธรูปปูนปางป่าเลไลยก์ สมชื่อพนมบุรี ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาหลวงพ่อนาค วัดราชาธิวาส คณะเหนือ

ประวัติ

หลวงพ่อนาค

ความเป็นมาขององค์หลวงพ่อนาค พระพุทธรูปหินปางนาคปรกสมัยลพบุรี ประดิษฐานพร้อมทั้งพระยืนปางห้ามพระญาติ ๒ องค์ ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาหลวงพ่อนาค วัดราชาธิวาส คณะเหนือ กทม.

มีผู้รู้เห็นได้เล่าเป็นประวัติไว้ว่าสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ ประมาณพุทธศักราช ๒๔๖๗ หรือ ๒๔๖๘ ท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม (เชิง อุตตมมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสเมื่อครั้งท่านดำรงสมณศักดิ์พระธรรมโกศาจารย์ ท่านมีศาสนภาระสำคัญที่จังหวัดอยุธยา เมื่อเสร็จภาระกิจแล้วขากลับท่านเห็นเป็นโอกาสตั้งสัจจะถืออธิษฐานรุกขมูลกังคธุดงค์ (อยู่โคนไม้ไม่ยอมเข้าพักในเสนาสนะที่มีที่พึ่งที่บัง) ๖ เดือน โดยออกเดินธุดงค์จากอยุธยาเรื่อยมาทางลพบุรี ได้เดินผ่านไร่ของชาวบ้านแห่งหนึ่ง ได้เห็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี ๓ องค์เป็นพระนั่งปางนาคปรก ๑ องค์ พระยืน ๒ องค์ ขทำด้วยหินถูกวางทอดทิ้งอยู่กลางไร่ไม่มีใครดูแลสนใจ ท่านเจ้าคุณได้เห็นแล้วไม่ประสงค์จะเห็นองค์พระถูกทอดทิ้งอยู่อย่างนั้น ท่านจึงพักรอจนพบเจ้าของไร่ได้ออกปากขอพระทั้ง ๓ องค์ เจ้าของไร่ดีใจมากจึงออกปากถวายด้วยความเต็มใจ และยังช่วยจัดการขนย้ายยกขึ้นรถไฟเพื่อส่งมายังสถานีหัวลำโพง ท่านเจ้าคุณจึงได้ส่งข่าวถึงทางวัดราชาให้จัดการนิมนต์องค์พระทั้ง ๓ องค์ไปประดิษฐานที่วัดด้วย ด้วยตัวท่านยังไม่ครบวันเวลาตามที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้

เมื่อพระมาถึงพระนครทั้งพระทั้งโยมต่างก็ได้จัดการช่วยกันนิมนต์ขึ้นรถมารับจ้างจนมาถึงวัดราชาธิวาส โดยได้จัดสถานที่ประดิษฐานองค์พระไว้บนแท่นหินใกล้ ๆ กับภูเขาจำลองข้างโบสถ์แพ (ซึ่งเป็นอาคารสองจากโบสถ์แพตัวจริงที่เคยสร้างในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดราชาในสมัยโน้น ต่อมาเมื่อได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาทางวัดจึงได้จัดสร้างอาคารจําลองไว้เป็นอนุสรณ์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖ และได้บูรณะสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้) ครั้นต่อมากลายเป็นที่ไม่เหมาะเพราะอยู่ใกล้หนทางเป็นที่เดินไปเดินมาของพระเณรและชาวบ้าน จึงได้ทำการย้ายไปอยู่ ณ ที่อีกแห่งใกล้ ๆ บริเวณนั้น ในระหว่างที่หลวงพ่อนาคประดิษฐานอยู่ ปรากฏว่าท่านได้ไปแสดงนิมิตในลักษณะของความเมตตากรุณาแก่บุคคลนั้นบุคคลนี้ ผู้มีความทุกข์ด้วยเหตุต่าง ๆ จนพวกเขาได้บรรเทาเบาหายจากความทุกข์ตามที่ปรารถนา เมื่อพวกเขาได้มาสืบหาตามนิมิตจนพบและแน่ใจว่าเป็นหลวงพ่อนาคองค์นี้ ได้พากันกราบไหรสักการะบูชาจนกลายเป็นที่รู้กันว่า หลวงพ่อนาควัดราชาเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอพรอันใดก็ได้อันนั้นดังปรารถนา หลวงพ่อนาคคงเป็นที่นับถือเป็นที่สักการะเคารพบูชาของชาวบ้านชาววัดทั้งที่ใกล้และไกลโดยเฉพาะชาวบ้านปากซอยวัดราชากลายเป็นลูกหลานของหลวงพ่อนาคต่างมีศรัทธาแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรต่อองค์หลวงพ่อทุกวันเสมอมา ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นสมัยที่ พ.ต.อ. คุ้ม วีระสุนทร เป็นไวยาวัจกรของวัด ท่านมีศรัทธาอย่างยิ่งต่อองค์หลวงพ่อนาค เห็นว่าที่ประดิษฐานเก่าไม่เหมาะสม พ.ต.อ. คุ้ม พร้อมทั้งครอบครัวของท่านจึงได้สละทรัพย์จัดสร้างศาลาหลังใหม่ขึ้นตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และได้จัดพิธีทำบุญครั้งใหญ่ เพื่อนิมนต์องค์หลวงพ่อนาคพร้อมทั้งพระยืนทั้ง ๒ องค์ เข้าประดิษฐานไว้ที่ศาลา ให้สาธุชนผู้มีจิตศรัทธาได้เข้ามากราบสักการะและสวดมนต์ไปด้วย ต่อมาได้มีผู้มีจิตศรัทธาขออนุญาตจากทางวัดขอปิดทององค์หลวงพ่อ ทางวัดก็ไม่ได้ขัดข้อง หลวงพ่อนาคองค์เดิมเป็นหินศิลากลายเป็นหลวงพ่อนาคปิดทองเหมืองอร่ามงามตาทัสนานุตตริยะมาตั้งแต่บัดนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พระธรรมกวีเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสได้อาราธนาองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษีจากวัดระฆังและองค์หลวงปู่ทวด (สมเด็จพะโคะ) จากวัดสุธารามธนบุรีมาประดิษฐานไว้ในศาลาด้วยกัน นับเป็นที่น่าอัศจรรย์เพราะตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาได้มาร่วมกันบริจาคทรัพย์ช่วยบูรณะตกแต่งศาลาหลวงพ่อนาคขึ้นใหม่จนเสร็จเรียบร้อยสง่างามรวมทั้งมีการปูพื้นรอบ ๆ ศาลาและถนนทำให้รอบบริเวณศาลาดูร่มเย็นสะอาดตา เป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้มาทำบุญในลานธรรมที่วัดราชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

(จากประวัติหลวงพ่อนาค ที่บันทึกอยู่ ณ วัดราชาธิวาสวิหาร กทม.)

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5