วัดราชาธิวาสวิหาร

ปล่อยใจให้ว่าง สัมผัสความสงบ และเดินบนทางแห่งธรรม

เรียนรู้เพิ่มเติม

ประวัติวัดราชาธิวาสวิหาร

การบูรณปฏิสังขรณ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระอาจารย์ศรี (พระปัญญาพิศาลเถร) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระ มาจำพรรษาและทรงปฏิสังขรณ์พระอารามให้อยู่ในสภาพดี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงปลูกพระตำหนักช่อฟ้าใบระกา 5 ห้อง มีเฉลียงรอบ เคียงคู่กับพระอุโบสถข้างทิศทักษิณ ถวายแด่สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎไว้เป็นที่ประทับ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมต่อจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างใหม่หมดทั้งวัด ซึ่งเป็นการซ่อมและบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ที่ปรากฏอยู่คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ ศาลาการเปรียญ กุฏิไม้ทาสีแดง หอสวดมนต์ ถนนหิน ลานหิน ภูเขาถมอ เสาหิน เขื่อนคู ถนนผ่ากลางวัด พร้อมทั้งสะพาน นอกจากนั้นทรงหล่อพระสัมพุทธพรรณีประดิษฐานในพระอุโบสถด้วย นอกจากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงมีพระราชศรัทธาโดยเสด็จพระราชกุศลร่วมการปฏิสังขรณ์วัดด้วย และทรงรับเป็นพระอุปถัมภิกา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ หอไตร ศาลาการเปรียญ สะพานท่าน้ำ กุฏิเจ้าอาวาส กุฎีที่ชำรุด หอสวดมนต์ และให้เขียนภาพเวสสันดรชาดกที่ฝาผนังด้านในพระอุโบสถต่อจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างพระตำหนักสมเด็จพระอัยยิกาและสร้างเขื่อนหน้าวัด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ย้ายพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ จากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยมาประดิษฐานไว้ในวัด และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างกุฏิตึกแถว 3 หลัง ในคณะบน สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ครัวไฟ กำแพง ศาลาท่าน้ำ รั้วคอนกรีต และประตูด้านหน้าวัด เป็นต้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บูรณะพระสัมพุทธวัฒโนภาส ฐานชุกชีพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

การบูรณปฏิสังขรณ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระอาจารย์ศรี (พระปัญญาพิศาลเถร) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระ มาจำพรรษาและทรงปฏิสังขรณ์พระอารามให้อยู่ในสภาพดี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงปลูกพระตำหนักช่อฟ้าใบระกา 5 ห้อง มีเฉลียงรอบ เคียงคู่กับพระอุโบสถข้างทิศทักษิณ ถวายแด่สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎไว้เป็นที่ประทับ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติมต่อจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างใหม่หมดทั้งวัด ซึ่งเป็นการซ่อมและบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ที่ปรากฏอยู่คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ ศาลาการเปรียญ กุฏิไม้ทาสีแดง หอสวดมนต์ ถนนหิน ลานหิน ภูเขาถมอ เสาหิน เขื่อนคู ถนนผ่ากลางวัด พร้อมทั้งสะพาน นอกจากนั้นทรงหล่อพระสัมพุทธพรรณีประดิษฐานในพระอุโบสถด้วย นอกจากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงมีพระราชศรัทธาโดยเสด็จพระราชกุศลร่วมการปฏิสังขรณ์วัดด้วย และทรงรับเป็นพระอุปถัมภิกา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ หอไตร ศาลาการเปรียญ สะพานท่าน้ำ กุฏิเจ้าอาวาส กุฎีที่ชำรุด หอสวดมนต์ และให้เขียนภาพเวสสันดรชาดกที่ฝาผนังด้านในพระอุโบสถต่อจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างพระตำหนักสมเด็จพระอัยยิกาและสร้างเขื่อนหน้าวัด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ย้ายพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ จากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยมาประดิษฐานไว้ในวัด และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างกุฏิตึกแถว 3 หลัง ในคณะบน สร้างเขื่อนกั้นน้ำ ครัวไฟ กำแพง ศาลาท่าน้ำ รั้วคอนกรีต และประตูด้านหน้าวัด เป็นต้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บูรณะพระสัมพุทธวัฒโนภาส ฐานชุกชีพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

รีวิวภาพรวมของวัดราชาธิวาสวิหาร

วัดราชาธิวาสวิหาร มุมมองภายนอกวัด
บรรยากาศภายในวัด
พระอุโบสถ
สวนและบริเวณวัด
พระสัมพุทธพรรณี
พระอุโบสถและเจดีย์
บรรยากาศรอบวัด
พระเจดีย์
พระวิหาร
ศาลาการเปรียญ

สถาปัตยกรรม

พระอุโบสถและเจดีย์ พระอุโบสถและเจดีย์

พระอุโบสถและพระเจดีย์

พระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหลังคามุงกระเบื้อง สร้างขึ้นแทนพระอุโบสถหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ทรงออกแบบสร้างใหม่โดยรักษาผนังพระอุโบสถเดิมด้านหลังไว้ โดยทรงวางแนวเสา และผนังโบสถ์ใหม่ครอมโบสถ์เก่าไว้ ลักษณะรูปทรงและลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอมมีเสาพาไลรอบ ภายในพระอุโบสถกั้นเป็น 3 ห้อง ห้องแรกเป็นโถงทางเข้าสู่ห้องกลาง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ภายใต้พุทธบัลลังก์บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถเล่าเรื่องพระเวสสันดร ชาดก ทั้ง 13 กัณฑ์ ฝีพระหัตถ์ทรงร่างของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ผู้เขียนภาพ คือ นายริโกลี ชาวอิตาเลียน เป็นจิตรกรรมอันเป็นวิธีการแบบใหม่ในสมัยนั้น ห้องหลังสุดประดิษฐานพระสัมพุทธวัฒโนภาส พระประธานองค์เดิมของวัดภายใต้พุทธบัลลังก์บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

พระเจดีย์ พระเจดีย์

พระเจดีย์

พระเจดีย์ ทรงชวาในสมัยศรีวิชัย เดิมเป็นพระเจดีย์ที่ รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างขึ้น เป็นแบบมหายาน มีปล้องไฉน ๖ ปล้อง และในสมัยรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๕๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เป็นรูปทรงชวาในสมัยศรีวิชัย ครอบพระเจดีย์องค์เดิมแต่ยังไม่แล้วเสร็จก็สิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้สร้างต่อมา ท่านผู้ควบคุมให้ออกแบบสร้างพระเจดีย์คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศวรฤทธิ์ เมื่อสร้างพระเจดีย์เสร็จแล้วได้ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลามหายานสมัยศรีวิชัย คือพระยานิพุทธ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอัญเชิญมาจากพระเจดีย์บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย มาประดิษฐานอยู่บนซุ้มพระเจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ นอกจากนั้นรอบพระเจดีย์ยังประดิษฐานรูปสิงห์ปูนปั้น ๓๐ ตัว โดยรอบพระเจดีย์ เลียนแบบมาจากเจดีย์วัด แม่นางปลื้มและวัดธรรมิกราชที่อยุธยา สิงห์เป็นเครื่องหมายของศากยกษัตริย์ ซึ่งในที่นี้หมายถึง พระบารมี ๓๐ ทัศน์ของพระพุทธเจ้า

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์

ต้นพระศรีมหาโพธิ์

(โพธิ์ลังกา) ต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ของการตรัสรู้หรือเป็นต้นไม้แห่งปัญญาของพุทธศาสนิกชน ที่วัดราชาธิวาสวิหาร มีที่สำคัญอยู่ ๒ ต้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศใต้ของพระอุโบสถ เป็นต้นโพธิ์ที่นำมาจากประเทศศรีลังกา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงนำมาปลูกไว้ เรียกว่า "โพธิ์ลังกา"

เพิ่มเติม

วิหารพระอัยยิกา
เป็นแบบจตุรมุข หันหน้าสู่ทิศตะวันออก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระอัยยิกาอันเป็นพระชนนีของพระองค์ที่พิราลัยแล้ว จึงทรงสถาปนาอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา ซึ่งเป็นพระราชอัยยิกา (ยาย) ในรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 และเป็นพระราชปัยยิกา (ย่าทวด) ในรัชกาลปัจจุบัน ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปแบบรัชกาลที่ 6 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ และภายใต้พุทธบัลลังก์เป็นที่บรรจุพระสรีรังคารสมเด็จพระปิยมาวดีฯ


ศาลาการเปรียญ
สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 และที่ 6 ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง เลียนแบบมาจากศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี หน้าบันทั้งสองด้านมีตราเป็นเครื่องหมายสำคัญไว้ คือ ด้านหน้าทางแม่น้ำเจ้าพระยามีตราจุลมงกุฎ คือพระเกี้ยวอันเป็นเครื่องหมายรัชกาลที่ 5 ด้านหลังทิศตะวันออกมีตราวชิราวุธอันเป็นเครื่องหมายรัชกาลที่ 6 ภายในศาลาการเปรียญมีธรรมาสน์สมัยรัตนโกสินทร์อันงดงาม ซึ่งออกแบบโดยสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์


พระตำหนักพระจอมเกล้าฯ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์
สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังทรงผนวชและประทับอยู่ที่วัดราชาธิวาสวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2372 เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของวัดนี้


พระตำหนักสี่ฤดู
สร้างขึ้นโดยจำลองชื่อพระตำหนักสี่ฤดูในวังสุโขทัย


พระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง (พระตำหนักพญาไท)
เดิมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ สร้างด้วยศิลปะไทยผสมยุโรป ได้รับพระราชทานให้ย้ายมาจากพระตำหนักพระราชวังพญาไททั้งหลัง เมื่อ พ.ศ. 2474 ในสมัยรัชกาลที่ 7


ศาลาโบสถ์แพ
จำลองจากโบสถ์แพกลางน้ำหน้าวัดซึ่งทรุดโทรมไป สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2466 พระธรรมวโรดม (อุตตมะ) เป็นเจ้าอาวาส ได้ชักชวนอุบาสก อุบาสิกา และเจ้านายฝ่ายหน้า-ฝ่ายในสมทบทุนร่วมสร้างขึ้น


กุฏีเจ้าจอมสว่าง
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2472 เจ้าจอมสว่างเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5


แท่นพระร่วงจำลอง
คือพระแท่นศิลาอาสน์จำลอง ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้จำลองไว้อยู่ข้างต้นโพธิ์ หน้าพระตำหนักสี่ฤดู เมื่อ พ.ศ. 2376 พระแท่นศิลาอาสน์จำลองนี้จำลองจากพระแท่นมนังคศิลา สมัยพ่อขุนรามคำแหง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นไว้กลางดงตาล ชานเมืองสุโขทัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงชะลอมาเมื่อครั้งทรงผนวช ปัจจุบันพระแท่นมนังคศิลาเก็บรักษาไว้ที่วิหารยอดในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และใช้สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

พระสัมพุทธพรรณี พระสัมพุทธพรรณี

พระสัมพุทธพรรณี

พระสัมพุทธพรรณีเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดราชาธิวาสวิหาร ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นจากองค์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งรัชกาลที่ 4 เป็นผู้สร้าง

ภายในวัดมีพระพุทธรูปสไตล์ชวาที่กระจายตัวกันอยู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของวัดราชาธิวาสวิหาร

พระพุทธรูปสำคัญ

พระสัมพุทธวัฒโนภาส
เป็นพระประธานองค์หลัง นามว่า “พระสัมพุทธวัฒโนภาส” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะอยุธยา เป็นพระประธานองค์เดิมในอุโบสถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารสมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ไว้ใต้ฐานชุกชี และเมื่อ พ.ศ. 2528 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุเส้นพระเกศาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ไว้ด้วย


พระนิรันตราย
ประดิษฐานด้านหน้าของพระสัมพุทธพรรณี (จำลอง) ณ พระอุโบสถวัดราชาธิวาสวิหาร พระนิรันตรายเป็นพระพุทธรูปหนึ่งในจำนวน 18 องค์ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้าง สำหรับพระราชทานแด่วัดในสังกัดคณะธรรมยุติกนิกาย จำนวน 18 วัด เป็นพระพุทธรูปทองคำปางสมาธิเพชร ศิลปะรัตนโกสินทร์ หน้าตักกว้าง 12 เซนติเมตร สูง 22.5 เซนติเมตร บนฐานสูง 24 เซนติเมตร หล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2411 ต่อมาโปรดให้ทำสำเนาจำนวน 18 องค์พระราชทานแก่วัดธรรมยุติแต่ละวัด ปัจจุบันองค์ดั้งเดิมประดิษฐาน ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง


พระพุทธรูปอู่ทอง ปางห้ามสมุทร
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำประดิษฐานไว้ที่หน้าบันพระอุโบสถด้านหน้า ผันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก ในลักษณะห้ามภยันตราย


พระพุทธรูปศิลาแบบมหายาน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาจากประเทศอินโดนีเซีย มีจำนวน 4 องค์ ประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มพระเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ


พระพุทธรูปเชียงแสน
เป็นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ เป็นพระประธานองค์ใหญ่บนศาลาการเปรียญ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานแก่วัดราชาธิวาสวิหาร


พระสันติภาพ
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อขึ้นที่วัดราชาธิวาสวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2489 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อถึงสันติภาพที่หวนกลับคืนสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง


พระพุทธรูปสุโขทัย
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ที่หอธรรมสงเคราะห์ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


พระพุทธรูปสมัยลพบุรี (หลวงพ่อนาค)
เป็นพระศิลาปางนาคปรก ศิลปะลพบุรี ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด พระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตตมเถร) ได้อัญเชิญมาจากจังหวัดลพบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 6


พระพุทธไสยา
ประดิษฐานอยู่ ณ ห้องประชุมตึกไชยันต์ โรงเรียนวัดราชาธิวาส สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงออกแบบ ลักษณะงามสมจริงแบบมนุษย์ ที่ฐานบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย


พระพุทธรูปสิหิงค์จำลอง
ประดิษฐานอยู่ในศาลาสวัสดิวัตน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เสด็จเททองเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2514


พระพุทธรูปในวิหารพระอัยยิกา
ลักษณะรูปแบบคล้ายพระพุทธรูปแบบคันธารราฐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระพุทธรูปเป็นองค์แทนสมเด็จพระปิยมาวดี พระอัยยิกาในพระองค์ องค์พระขนาดเท่าคนจริง ประดิษฐานในวิหารพระอัยยิกา คณะใต้

ติดต่อเรา

📍 ที่อยู่

วัดราชาธิวาสวิหาร
3 ซอยสามเสน 9 ถนนสามเสน
แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต
กรุงเทพมหานคร 10300


📞 โทรศัพท์

02-668-7988




จัดทำโดย

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชมงคลพระนคร
คณะเทคโนโลยีมัลติมีเดีย

รายชื่อผู้จัดทำ:
นางสาวสุทัตตา ทรัพย์สิน
นายวสุธรณ์ พุ่มทอง
นายตะวัน เสมขำ
นางสาวจุฑาภรณ์ ฮาวต่อมแก้ว
นายปณิธาน สุวรรณประเสริฐ
นายภูริภัทร์ พันธุระ