วัดใหม่อมตรส

Header Image2
Logowat

ประวัติวัดใหม่อมตร

วัดบางขุนพรหม หรือชื่อทางการว่า “วัดใหม่อมตรส” เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นราวปลายสมัยกรุงธนบุรี ประมาณ พ.ศ. 2321 แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง
เดิมทีเรียกกันว่า “วัดวะรามะตาราม” หรือ “วัดบางขุนพรหมใน” และยังพบการใช้ชื่อ “วัดอำมาตบรส” อยู่ในเอกสารเก่า กระทั่งในราว พ.ศ. 2460 จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดใหม่อมตรส” พร้อมกับการบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุสำคัญภายในวัด เช่น อุโบสถและพระเจดีย์

การที่วัดนี้ได้รับความสำคัญเป็นพิเศษก็เพราะเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างพระสมเด็จบางขุนพรหมบรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์ใหญ่ด้านหน้าอุโบสถ และกลายเป็นที่มาของ “ตำนานพระสมเด็จกรุบางขุนพรหม” ซึ่งสืบเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติวัตถุมงคล

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม เป็นพระเครื่องที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2413 โดยมีเจตนาจะบรรจุไว้ในพระเจดีย์ประธานหน้าอุโบสถของวัดใหม่อมตรส เพื่อเป็นพุทธบูชาและสืบทอดไว้เป็นสมบัติทางศาสนาสำหรับชนรุ่นหลัง การสร้างพระสมเด็จครั้งนั้นทำพิธีตามแบบแผนที่เข้มงวด ใช้มวลสารศักดิ์สิทธิ์และผงวิเศษห้าประการ (ประกอบด้วยผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาราช และผงพุทธคุณ) ผสมลงในเนื้อพระ ก่อนจะกดพิมพ์จากแม่พิมพ์เดียวกับที่ใช้สร้างพระสมเด็จวัดระฆัง ทำให้พระสมเด็จบางขุนพรหมถือเป็นพระเครื่องสายตรงที่มีความศักดิ์สิทธิ์และคุณค่าอย่างสูงยิ่ง

ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป มีการลักลอบนำพระออกจากกรุเจดีย์ ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่า “การตกพระ” โดยใช้ไม้ไผ่เจาะทะลุช่องระบายอากาศขององค์เจดีย์แล้วหย่อนเชือกผูกตุ้มดินเหนียวลงไป เพื่อให้ตุ้มไปกระทบพระที่กองอยู่ด้านล่างและดึงติดขึ้นมา พระที่ได้จากการลักลอบเช่นนี้ เรียกว่า “พระกรุเก่า” และมักเป็นพระที่ยังคงสภาพดั้งเดิม แต่มีคราบกรุและร่องรอยการเก็บรักษาในเจดีย์ ส่วนพระที่นำออกมาในปี พ.ศ. 2500 โดยการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เรียกว่า “พระกรุใหม่” ซึ่งการเปิดกรุดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะองค์เจดีย์ถูกเจาะเสียหายหลายครั้ง จนเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดตัดสินใจนำพระออกมาเพื่อป้องกันการลักขุด และจัดให้ประชาชนได้เช่าบูชาอย่างโปร่งใส รายได้จากการเช่าบูชาได้นำไปใช้บูรณะวัดและสร้างอุโบสถหลังใหม่

พิธีเปิดกรุเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ภายใต้การดูแลของพระเถระผู้ใหญ่และคณะกรรมการวัด โดยมีการเชิญ ฯพณฯ พลเอก ประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นมาเป็นประธานในพิธี ภายในงานมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจคอยดูแลรอบบริเวณ ในขณะที่การขุดกรุภายในอนุญาตให้พระภิกษุและสามเณรเป็นผู้ดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว พระสมเด็จที่นำออกมาปรากฏว่ามีจำนวนมากและส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้โดยไม่บรรจุภาชนะ แต่กองรวมอยู่ในหลุมข้างคานปูนใต้ชานพระเจดีย์ ทำให้พระมีคราบขี้กรุ ดิน กรวด และทรายจับหนาแน่น กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพระสมเด็จบางขุนพรหมที่ต่างจากพระสมเด็จวัดระฆัง
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประวัติอันยาวนาน พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมจึงเป็นหนึ่งในพระเครื่องที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในวงการ เรียกได้ว่าเป็นพระเครื่องชั้นนำที่ควบคู่กับพระสมเด็จวัดระฆัง และเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและนักสะสมพระเครื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศมาจนถึงทุกวันนี้