วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร

พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร

วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร

หรือ วัดราชาธิวาสวิหาร

สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย (สันนิษฐานเริ่มปรากฏชุมชนวัดเดิมราว พ.ศ. 2310) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งพระนคร ห่างจากสนามหลวงลงทางทิศเหนือ ใกล้ทางด่วนกำแพงเพชร สามเสน พื้นที่ตั้งวัด 34 ไร่ 2 งาน 63 ตารางวา โดยมีพระพรหมวชิรมงคล (สิอ้อชัย คุณวุฒโณ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2543 – ปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมา

วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เดิมรู้จักกันในนาม “วัดสมอราย” ได้รับการปฏิสังขรณ์ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่และพระราชทานนามว่า “วัดราชาธิวาสวิหาร” มีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” และเป็นวัดสำคัญในคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย


ศาลาโบสถ์แพ

ประวัติความเป็นมา

พ.ศ. 2362 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเสด็จทางชลมารคแวะพัก ณ วัดสมอราย ทรงมีพระราชประสงค์จะเสวยน้ำพระสุธารส จึงโปรดให้พระสงฆ์น้อมอุทิศไปถวาย ณ โบสถ์แพลอยน้ำ รวม 7 รูป จึงทรงมีพระราชศรัทธาทรงทำพิธีกรรม (บวชซ้ำ) อีกครั้ง ด้วยโบสถ์แพที่วัดสมอราย ทรงมีความประทับใจ ณ วัดสมอราย อันเป็นที่สถิตของสมณศักดิ์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และทรงมีข้อวัตรผิดแผกกับพระสงฆ์ในวัดอื่น ๆ จึงเสด็จมาประทับ ณ วัดสมอรายบ่อยครั้ง รวมทั้งเสด็จทรงฟังเทศน์ในเทศกาลเข้าพรรษาทุกปี

ต่อมาใน พ.ศ. 2455 ปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้รื้อและปลูกสร้างขึ้นใหม่เป็นศาลาลอยน้ำ ขนาด 2 ห้อง ลักษณะเรือนแพ ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ ใช้ติดต่อคณะสงฆ์และประชาชนในการทำสังฆกรรมโดยทั่วไป ปัจจุบันเรียกว่า “ศาลาโบสถ์แพ”

ศาลาโบสถ์แพ

พระอุโบสถ

ศาลาการเปรียญ

ประวัติความเป็นมา

อยู่ทางด้านหน้าวัด เป็นอาคารสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงให้สร้างเลียนแบบศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี (ซึ่งเป็นท้องพระโรงเก่าสมัยพระเจ้าเสือ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา)
เสาเป็นไม้ขนาดใหญ่ หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มีมุขและมุขลด
ทั้งหน้าหลัง หน้าบันทั้ง 2 ด้าน มีตราเครื่องหมายเป็นสำคัญ คือ ด้านหน้า (ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา) มีตราจุลมงกุฎ หรือพระเกี้ยว อันเป็นพระราชลัญจกรในรัชกาลที่ 5 ด้านหลัง (ด้านตะวันออก) มีตราวชิราวุธ อันเป็นพระราชลัญจกรในรัชกาลที่ 6 ศาลาการเปรียญ
หลังนี้เป็นสถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่และสวยงาม



พระอุโบสถ

ประวัติความเป็นมา

เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหลังคามุงกระเบื้อง สร้างขึ้นแทนพระอุโบสถหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ทรงออกแบบสร้างใหม่โดยรักษาผนังพระอุโบสถเดิมด้านหลังไว้ โดยทรงวางแนวเสา และผนังโบสถ์ใหม่ครอมโบสถ์เก่าไว้ ลักษณะรูปทรงและลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอมมีเสาพาไลรอบ ภายในพระอุโบสถกั้นเป็น 3 ห้อง ห้องแรกเป็นโถงทางเข้าสู่ห้องกลาง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ภายใต้พุทธบัลลังก์บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถเล่าเรื่องพระเวสสันดร ชาดก ทั้ง 13 กัณฑ์ ฝีพระหัตถ์ทรงร่างของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
ผู้เขียนภาพ คือ นายริโกลี ชาวอิตาเลียน เป็นจิตรกรรมอันเป็นวิธีการแบบใหม่ในสมัยนั้น ห้องหลังสุดประดิษฐานพระสัมพุทธวัฒโนภาส พระประธานองค์เดิมของวัดภายใต้พุทธบัลลังก์บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

ศาลาการเปรียญ

พระอุโบสถ

พระประทาน

ประวัติความเป็นมา

ในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พระนามว่า พระสัมพุทธพรรณี


พระเจดีย์

ประวัติความเป็นมา

ประดิษฐานอยู่หลังพระอุโบสถเป็นพระเจดีย์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อถึงรัชกาลที่ 5 โปรดให้ปฏิสังขรณ์ใหม่เป็นรูปทรงเลียนแบบสมัยศรีวิชัย ครอบพระเจดีย์องค์เดิม ต่อมารัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างต่อโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์เป็นผู้ควบคุมการออกแบบและการก่อสร้าง ได้ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาแบบมหายานในซุ้มคูหาทั้ง 4 ทิศ

ศาลาการเปรียญ

พระอุโบสถ

ตำหนัก 4 ฤดู

ประวัติความเป็นมา

เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่เป็นแบบตึก สร้างขึ้นโดยจำลองพระตำหนัก 4 ฤดู ในวังสุโขทัยที่รื้อออกไป มีวัสดุที่มาประกอบได้เพียงประตูตัวอาคารเป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระอุโบสถ


ตำหนักพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประวัติความเป็นมา

เป็นอาคารทรงไทย ประดับช่อฟ้า ใบระกา เป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นทรงผนวช และทรงจำพรรษาที่วัดนี้ขณะนั้นมีชื่อว่าวัดสมอราย

ศาลาการเปรียญ

พระอุโบสถ

ตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง

ประวัติความเป็นมา

เดิมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ รัชกาลที่ 7 โปรดให้ย้ายมาจากพระราชวังพญาไททั้งหลัง มาสร้างขึ้นที่ วัดราชาธิวาสวิหารนี้ เมื่อ พ.ศ. 2475


อาคารพระธรรมวโรดม
100 ปี

ประวัติความเป็นมา

เป็นอาคารแบบไทยประยุกต์ ขนาดกว้าง 10.50 เมตร ยาว 40 เมตร 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโถงใช้เป็นห้องประชุม

ศาลาการเปรียญ

เกี่ยวกับวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร

ที่อยู่: 3 ถ. สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

Tel. 02 668 7988